1.เลือกประเภทประกันให้เหมาะกับการใช้งาน

เนื่องจากประกันรถแต่ละประเภทจะมีเงื่อนไขการคุ้มครองที่มีความใกล้เคียงกัน โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกัยภัย (คปภ.) กำหนด ซึ่งทางเราขอแนะนำว่า หากต้องการจะต่อประกันรถออนไลน์ หรือซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ ควรพิจารณาเลือกประเภทประกันรถจากไลฟ์สไตล์และการใช้งานรถของตนเอง รวมไปถึงอายุของรถยนต์ที่ต้องการจะทำประกัน ความชำนาญในการขับของผู้ขับขี่ และความคุ้มครองที่ต้องการ เช่น รถหาย น้ำท่วม หรือไฟไหม้ อีกด้วย

2.เช็คความคุ้มครองของประกันรถที่สนใจ

อย่างที่รู้กันว่าประกันรถแต่ละประเภทมีความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ในแต่ละชั้นของประกันรถ จะมีค่าเบี้ยประกัน เงื่อนไขการเคลม และวงเงินคุ้มครองสูงสุดที่แตกต่างกันไป โดยรายละเอียดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเช็กให้รอบคอบ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา แล้ววงเงินความคุ้มครองไม่ครอบคลุมหรือเพียงพอกับค่าซ่อม อาจทำให้เราต้องควักเงินจ่ายส่วนต่างนี้เอง อีกทั้งควรเปรียบเทียบประกันรถที่สนใจในระดับชั้นเดียวกัน เพราะหากเปรียบเทียบชั้นประกันรถที่ต่างกัน อาจทำให้เกิดความลังเลและสับสนได้

3.เปรียบเทียบเบี้ยประกันรถหลายๆ บริษัทฯ

ถึงแม้ว่าจะซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์จากบริษัทประกันภัยเจ้าเดียวกัน แต่ราคาจากตัวแทนประกันรถออนไลน์อาจแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อความคุ้มค่า ควรขอรายละเอียดจากหลายๆ ที่เพื่อนำมาเปรียบเทียบ ซึ่งปัจจุบันก็มีบริการต่อประกันรถออนไลน์ ที่สามารถขอข้อมูลรายละเอียดหรือเช็กโปรโมชั่นส่วนลดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

สิ่งที่ต้องดูก่อนต่อประกันรถออนไลน์หรือซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์

หลังจากที่คุณตัดสินใจเลือกประเภทของประกันรถและความคุ้มครองที่ต้องการได้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเช็กก่อนที่จะตัดสินใจต่อประกันรถออนไลน์ หรือซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์กับบริษัทประกันฯ นั้นๆ มีดังนี้

1.มีเจ้าหน้าที่ดูแล พร้อมทั้งมีสาขาที่ครอบคลุม

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการต่อประกันรถออนไลน์ หรือซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ จะสามารถติดต่อผ่านทางโทรศัพท์หรือผ่านทางเว็บไซต์ได้ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาการได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่โดยตรงนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการมีสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะการมีสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้รวดเร็วยิ่งขึ้น หากจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับสาขาเหล่านั้น

2.มีบริการคอลเซ็นเตอร์ ที่ดูแลลูกค้าตลอด 24 ชม.

เมื่ออุบัติเหตุสามารถเกิดได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการที่เราต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ หรือซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์กับบริษัทประกันภัยที่มีบริการคอลเซ็นเตอร์ หรือสายด่วนที่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง จะช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นใจหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น เพราะจะมีพนักงานจากบริษัทประกันฯ คอยช่วยเหลือคุณอยู่นั่นเอง

3.ช่องทางการชำระเงินสะดวก

การต่อประกันรถออนไลน์ หรือการซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์จากเว็บไซต์ของบริษัทประกันฯ นั้นๆ ควรมีช่องทางการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว รวมถึงสามารถเลือกการชำระแบบยืดหยุ่นได้ เพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงินของผู้ชำระ เช่น โอนเงินจ่ายผ่าน Mobile Banking หรือสามารถผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตได้ 

สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการต่อประกันรถออนไลน์

การต่อประกันรถออนไลน์ จะใช้เอกสารชุดเดียวกันกับการต่อประกันรถแบบปกติ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้ 

1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนรถ 
3. สำเนาใบขับขี่ (กรณีที่ต้องการระบุผู้ขับขี่ในแผนประกัน)
4. สำเนากรมธรรม์เดิม (ถ้ามี)