
เคลือบแก้ว (Glass Coating) คือการใช้น้ำยาเคลือบแข็งลงบนผิวตัวถังของรถยนต์ให้มีความหนาขึ้น โดยใช้สารที่มีชื่อว่า ชิลิก้า (Silica) ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับที่ใช้ผลิตแก้วน้ำมาผสม แล้วจึงนำไปเคลือบลงบนผิวรถ โดยสารซิลิก้า จะมีระดับความแข็งตัวตั้งแต่ 1H-9H ที่เมื่อสัมผัสกับอากาศแล้วจะแข็งตัวจนกลายเป็นฟิล์ม ซึ่งจะช่วยป้องกันคราบต่างๆ ที่จะมาเกาะบนผิวรถ เช่น ฝุ่นหรือรอยขีดข่วนต่างๆ อีกทั้งยังช่วยให้ผิวรถมีความมันวาวมากขึ้นอีกด้วย
เคลือบเซรามิก (Ceramic Coating) คือการเคลือบชั้นผิวตัวถังรถด้วยแล็กเกอร์และน้ำยาพิเศษที่มีส่วนผสมของสาร ซิลิคอน คาร์ไบด์ (SIC : Silicon Carbide) ที่มีความแข็งระดับ 9H ซึ่งถูกออกแบบให้มีความคงทนและสร้างความเงางาม รวมไปถึงป้องกันรอยขีดข่วนด้วย โดยการเคลือบเซรามิก ลงบนผิวรถนั้นจะมีอายุการใช้งานขั้นต่ำ 3 ปี
ถึงแม้การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก จะมีความใกล้เคียงกัน แต่การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก ก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ดังนี้
หลังจากที่ทำความรู้จักการเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก ให้กับรถยนต์ที่คุณรักกันไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องทำความรู้จักกันต่อแล้วว่า การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก นั้นมีกี่ประเภทและมีวิธีการเคลือบอย่างไร
1. การเคลือบแบบทา คือวิธีดั้งเดิม โดยการเคลือบลักษณะนี้ต้องอาศัยความชำนาญและฝีมือของช่าง เพราะต้องทาสารเคลือบให้กระจายทั่วพื้นที่ของผิวรถยนต์ในระดับความเหมาะสมที่พอดี ไม่บางไม่หนาเกินไป
2. การเคลือบแบบพ่น คือการใช้เครื่องพ่นสีรถยนต์ ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้กันเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะช่วยให้การพ่นสารกระจายตัวได้ดี ทำงานได้รวดเร็วและเข้าถึงทุกซอกทุกมุมของตัวถังรถ โดยวิธีการเคลือบแบบนี้จะช่วยให้มีความเงางาม คงทน เสริมให้สีรถดูมันวาว เหมือนใหม่เสมอ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก เป็นวิธีดูแลรักษารถยนต์ที่มีความใกล้เคียงกันมาก โดยข้อดีของการเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก มีดังนี้
การเคลือบเซรามิก มีข้อดีคือ
การเคลือบแก้ว มีข้อดีคือ
ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากกว่า หากคุณมีเวลาในการดูแลรักษารถยนต์เป็นประจำ และสนุกกับการทำสิ่งเหล่านี้ ก็ต้องบอกเลยว่า การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิกอาจไม่จำเป็น แต่ก็สามารถทำได้เพื่อเสริมเกราะป้องกันให้กับสีรถให้สวยงามและแข็งแรงอยู่เสมอ
แต่หากไม่มีเวลาในการดูแลรักษารถยนต์มากนัก การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก ก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะการเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก จะเป็นตัวทุ่นแรงในการดูแลรักษารถยนต์ให้กับคุณ เนื่องจากการเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก 1 ครั้ง ก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานนั่นเอง